Monday, January 6, 2020

(เรื่องของทองหยิบ)


ส่วนผสม
  • ไข่แดงเป็ด 10 ฟอง
  • น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย

วิธีทำ
  1. ตอกไข่เป็น ระวังอย่าให้ไข่แดงแตก จากนั้นก็แยกไข่แดงมาวางบนผ้าขาวบาง
  2. บีบไข่แดงผ่านผ้าขาวบาง จนได้ไข่แดงที่เนียนละเอียด แล้วตีด้วยเครื่องตีจนเนียนฟู
  3. เทน้ำลอยดอกมะลิลงในกระทะทองเหลือง แล้วนำน้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวจนงวด
  4. ใช้ช้อนตักไข่แล้วนำไปหยอดในน้ำเชื่อม หยอดให้ไข่แผ่เป็นแผ่นบางๆ แล้วพลิกกลับไปกลับมาให้สุกทั้งสองด้าน
  5. นำขนมมาแช่ให้น้ำสะอาด จากนั้นก็ก็จับจีบให้ได้ 5 แฉก แล้วจัดลงใส่ถ้วยเล็กๆ

(เรื่องของจ่ามงกุฏ)


ส่วนผสมส่วนที่ ๑ (ทองเอก)
แป้งสาลี      ๑       ถ้วยตวง
ไข่แดง        ๑       ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย   ๓     ถ้วยตวง
หัวกะทิ       ๒      ถ้วยตวง
ส่วนผสมส่วนที่ ๒ (ลูกกวาดเมล็ดแตงโม)
เนื้อเมล็ดแตงโม    ๓/๔   ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย    ๑    ถ้วยตวง
น้ำ     ๑       ถ้วยตวง
ส่วนผสมส่วนที่ ๓ (แป้งรอง)
แป้งสาลี      ๑       ถ้วยตวง
ไข่แดง        ๓       ฟอง
ส่วนผสมส่วนที่ ๔ (นํ้าเชื่อมข้น)
นํ้าตาลทราย ๑/๒  ถ้วยตวง
นํ้า     ๓       ช้อนโต๊ะ
เครื่องแต่ง  ทองคำเปลวสำหรับติดส่วนยอด
วิธีทำส่วนที่ ๑
๑. คนแป้งกับน้ำตาลทรายให้เข้ากันก่อน ในกระทะทอง ทำแป้งเป็นหลุมตรงกลาง
๒. ผสมกะทิลงในไข่แดงทิละน้อยก่อน ให้เข้ากันดี แล้วจึงเติมกะทิส่วนที่เหลือ
๓. เทกะทิผสมไข่ในหลุมแป้ง ๑/๒ ส่วน ใช้ที่ตีไข่มือคนจนแป้งเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเติมกะทิที่เหลือคนให้เข้ากันอีกครั้ง
๔. ยกกระทะขึ้นตั้งไฟค่อนข้างอ่อน กวนจนแป้ง สุกข้น ถ้าสีของไข่อ่อนไปแต่งด้วย (สีอาหาร) สีเหลืองไข่ พองามขึ้น พอขนมเริ่มส่อนจากกระทะ ยกลงจากเตา กวนต่อให้พอปั้นได้
๕. พอเย็นแล้วอบด้วยดอกมะลิ และกระดังงา ค้างคืนไว้
๖. ปั้นเป็นลูกกลม กดให้แบนลงเล็กน้อย ใช้สันมีดกดให้เป็นรอย ๖ รอย คล้ายผลมะตูม
วิธีทำส่วนที่ ๒
๑. ต้มนํ้าตาลกับนํ้าให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง
๒. คั่วเมล็ดแตงโมในกระทะทองทีละน้อย พอสุก อย่าให้เหลือง ใช้มือชุบนํ้าเชื่อมกวาดเมล็ดแตงโมไปมา พอน้ำตาลแห้งก็ชุบน้ำเชื่อมกวาดซ้ำอีก จนมีน้ำตาลเป็นหนาม ติดเมล็ดแตงพองาม เก็บใส่ภาชนะไว้อย่าให้ถูกลม
๓. ไฟที่ใช้ค่อนข้างอ่อน ถ้านํ้าตาลติดกระทะ ให้ใช้ผ้าชุบนํ้าเช็ดออกให้หมด ทำจนหมดเมล็ดแตง
วิธีทำส่วนที่ ๓
๑. ผสมแป้งกับไข่ให้เข้ากัน
๒. คลึงออกเป็นแผ่นบางๆ ใช้พิมพ์กลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ ซม. ตัด
๓. นำแผ่นแป้งที่ตัดแล้วใส่ลงในถ้วยตะไล กดเบาๆ พอให้ค่อมเล็กน้อย นำออกใส่ถาด อบให้สุกเหลืองนิดหน่อย นำออกผึ่งให้เย็น เก็บใส่กล่องอย่าให้ถูกลม
วิธีทำส่วนที่ ๔
ต้มนํ้าตาลกับน้ำให้ข้นเหนียว เทใส่ภาชนะไว้
วิธีประกอบ
๑. หยิบแป้งรอง (๓) ทาด้วยน้ำเชื่อม (๔) บางๆ นำลูกกวาดเมล็ดแตง (๒) เรียงรอบแป้งที่ปั้นไว้แล้ว (๑) ข้างบนกดเบาๆ เพื่อให้อยู่ตัว
๒. ใช้ทองคำเปลวติดส่วนยอด
สูตรนี้สามารถทำขนมรับประทานได้ ๕-๖ คน
เทคนิคการประกอบ ขนมจ่ามงกุฎ ที่นิยมทำกันในปัจจุบันนี้ที่มองดูเป็นมงกุฎเล็กๆ สวยงามนั้น ต้องใช้ฝีมือ ในการทำประณีตมาก ขนมจะสวยหรือไม่สวยย่อมขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณแต่ละบุคคล
ลักษณะที่ดีของขนม ขนมมีชิ้นขนาดเท่ากัน ตัวแป้งด้านในหวานและเหนียว จับตัวกันเป็นก้อนสีเหลืองสด ของไข่แดงทำให้ขนมมีสีสวยขึ้น ตัวแป้งด้านนอกเป็นถ้วย กรอบและแข็ง รสชาติของขนมหวานมัน หอมกลิ่นดอกไม้ที่อบขนม

(เรื่องของกล้วยบวชชีมะพร้าวอ่อน)

ส่วนผสม

1. กล้วยน้ำว้า
2. หัวกะทิ/หางกะทิเล็กน้อย
3. เนื้อมะพร้าวอ่อน
4. น้ำมะพร้าว
5. น้ำตาล/เกลือ
6. ใบเตย

วิธีทำ

1. ต้มกล้วยทั้งเปลือกให้พอสุก ตักแช่น้ำเย็น นำไปนึ่งประมาณ30นาที หั่นเป็นท่อนเตรียมไว้
2. หัวกะทิผสมกับน้ำมะพร้าวให้เข้ากัน ใส่ใบเตย ต้มให้พอร้อนใส่น้ำตาล,เกลือเล็กน้อย และใส่กล้วยลงไปต้มจนเดือดอ่อนๆ ชิมรสชาติตามที่ต้องการ (ระวังอย่าให้เดือดพล่านกะทิจะแตกมัน)
3. ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปต้มให้พอเดือดอีกครั้ง เมื่อได้ที่ปิดไฟได้เลยจ้า

(เรื่องของขนมโคกะทิ)


วัตถุดิบไส้
1. มะพร้าวขูด 250 กรัม 
2. น้ำตาลมะพร้าว 250 กรัม 
3. น้ำมะพร้าว 50 มิลลิลิตร 
4. เกลือสมุทร ½ ช้อนชา 

วัตถุดิบแป้ง
วัตถุดิบแป้ง
1. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม 
2. น้ำดอกอัญชัน 50 มิลลิลิตร 
3. น้ำใบเตย 50 มิลลิลิตร 
4. น้ำมะพร้าว 50 มิลลิลิตร 
5. น้ำกระเจี๊ยบ 50 มิลลิลิตร 

วัตถุดิบน้ำกะทิ
วัตถุดิบน้ำกะทิ
1. หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร 
2. น้ำตาลทราย 50 กรัม 
3. เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
4. ใบเตย 1 มัด
5. งาขาวคั่ว ตามชอบ
STEP 1 : ทำไส้ + ทำแป้ง
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป ตามด้วยน้ำมะพร้าว และเกลือ คนจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน และเดือด
- ใส่มะพร้าวขูดลงไป ผัดให้แห้งและหอม จากนั้นยกออกจากเตา และพักไว้ให้เย็นสนิท
TIP : ถ้าไส้ไม่เย็นสนิท เวลานำมาห่อแป้งจะทำให้แป้งเหลว และแตก
- แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน (ส่วนละ 125 กรัม) ผสมน้ำแต่ละถ้วย ได้แก่ น้ำใบเตย น้ำดอกอัญชัน น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำมะพร้าว นวดให้เข้ากันจนแป้งไม่ติดมือ


STEP 2 : สอดไส้ + ต้ม
- หยิบแป้งขึ้นมาหนึ่งหยิบมือแล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ บีบให้แบนความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร จากนั้นหยิบไส้ที่ผัดไว้ขนาดเล็กกว่าแป้ง จับให้เป็นก้อน ๆ แล้ววางลงบนแป้ง ห่อและปั้นให้เป็นลูกกลม ๆ วางบนถาดเตรียมไว้ ทำจนแป้งและไส้หมด
TIP : ใช้แป้งโรยบนถาดที่จะนำขนมโคไปวาง เพื่อไม่ให้ตัวแป้งติดถาด และแตก
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่น้ำลงไป รอจนน้ำเดือด แล้วใส่ขนมโคที่ปั้นไว้ลงไปต้มจนสุก เสร็จแล้วตักไปพักไว้ในน้ำเย็น
TIP : ถ้าขนมโคลอยขึ้นเหนือน้ำ แสดงว่าสุกแล้ว


STEP 3 : ทำน้ำกะทิ + จัดเสิร์ฟ
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทหัวกะทิลงไป ตามด้วยเกลือสมุทร น้ำตาล และใบเตย คนจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน และเดือด
- ตักใบเตยออก โรยงาขาวคั่ว และยกออกเจาพักไว้
- นำขนมโคใส่ถ้วย หรือหม้อที่จะจัดเสิร์ฟ ราดน้ำกะทิที่เตรียมไว้ลงไป และโรยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟจ้า

 อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/ka-nom-ko?ref=ct

(เรื่องของขนมทองเอก)


ส่วนผสมสำหรับทำทองเอก
  • ไข่เป็ด 6 ฟอง ( แยกไข่ขาวและไข่แดง )
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วย นำมาขูดฝอย
  • ไข่ไก่ 6 ฟอง ( แยกไข่ขาวและไข่แดง )
  • หัวกะทิ 2 ถ้วย
  • แป้งสาลี 1 ถ้วย
วิธีทำขนมทองเอก
  1. เริ่มจากการนำเอา เนื้อมะพร้าว ไปนึ่งก่อน การนึ่งมะพร้าว จะทำให้ขนมไม่บูด
  2. จากนั้น ตั้งกระทะทองเหลือง ใส่กะทิและน้ำตาลทรายลงไปเคี้ยว ด้วยไปอ่อนๆ ขั้นตอนนี้สำคัย อย่าให้กะทิแตกมัน จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
  3. นำไข่เป็ดละไข่ไก่ มาตีผสมกับน้ำกะทิ เนื้อมะพร้าวขูด และใส่แป้งสาลีลงไปผสมด้วย
  4. จากนั้นนำไปกวนด้วยไฟอ่อนๆ ให้แป้งขนมทองเอกเริ่มเหนียวค้น กวนจนเป็นก้อนสามารถปั้นได้
  5. จากนั้นนำแป้งกวน ไปกดในพิมฑ์ขนมทองเอก หากมีทองคำเปลว ก็นำมาแต่งที่ปลายของขนมให้สวยงาม
เคล็ดลับการทำขนมทองเอง
  • การเก็บรักษาขนม อย่าให้ขนมทองเอกโดนลม เพราะว่า การที่ขนมโดนลมจะทำให้ขนมแข็ง หยาบกระด้าง ไม่น่ารับประทาน เทคนิคการเก็บรักษาขนมทองเอก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำมาดๆ วางทับบนขนม เพื่อรักษาความชื้นของขนม หรือ เก็บใส่กล่องไม่ให้อากาศเข้า
  • การเลือดใช้กะทิ สำหรับนำมาทำขนม ให้ใช้หัวกะทิคั้นสด เนื่องจากหัวกะทิคั้นสดจะให้ความหอมมันแบบธรรมชาติ จะได้รสชาติที่อร่อยหอม
  • การทำขนมกวน กระทะที่นำมากวนขนม ให้เลือกใช้กระทะทองเหลือง เนื่องจากคุณสมบัติของกระทะทองเหลือง คือ ความร้อนจะทั่วกระทะ
  • เทคนิคในการทำขนมทองเอก ขั้นตอนการกวนขนมเป็นขั้นตอนสำคัญ ให้ใช้ไฟอ่อนๆ กวนตลอดเวลาอย่าหยุด กวนจนกว่าจะได้ขนมเนื้อเนียน
  • สำหรับทองคำเปลว หากไม่สามารถหาได้ ก็ไม่ต้องใส่ก็ได้
  • การเตรียมมะพร้าว ให้นำมะพร้าวขูดฝอย จะเพิ่มความอร่อยให้กับขนม ขนมจะมีเนื้อขนมกรุบๆ สำหรับการนำเนื้อมะพร้าวขูด ให้นำเนื้อมะพร้าวขูดไปนึ่งก่อน จะทำให้มะพร้าวขูดไม่บูด

(เรื่องของขนมน้ำดอกไม้)



ส่วนผสม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย
  • สีผสมอาหาร
วิธีทำ
  1. นำน้ำลอยดอกมะลิต้มกับน้ำตาลให้ละลาย จากนั้นก็ปิดไฟแล้ววางพักไว้
  2. ผสมแป้งเท้ายายม่อมกับแป้งข้าวเจ้า เติมน้ำลงไปทีละนิด นวดแป้งให้ละลาย เสร็จแล้วก็เติมน้ำลอยดอกมะลิที่ละลายน้ำตาล เทลงไปคนให้เข้ากัน
  3. แบ่งแป้งเป็น 3 ถ้วย ถ้วยละเท่าๆ กัน หยดสีผสมอาหารตามชอบแล้วคนให้ทั่ว
  4. นึ่งถ้วยตะไลทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นก็หยอดแป้งลงไปในถ้วย นึ่งด้วยไฟแรง 15 นาที
  5. เสร็จแล้วก็ตักขนมน้ำดอกไม้ออกมาจากถ้วย จัดเรียงไว้รอเสิร์ฟได้เลยค่ะ

(เรื่องของขนมกลีบลำดวน)

ส่วนผสม
  • แป้งอเนกประสงค์ 4 ถ้วย
  • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ถ้วย
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำมันพืช ¼ ถ้วย
  • เทียนสำหรับอบควันเทียน
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งอเนกประสงค์สักประมาณ 3 ครั้งเพื่อให้แป้งร่วน แล้วนำไปผสมกับน้ำตาลไอซิ่งที่ร่อน 2 ครั้งเพื่อให้ร่วนและเบา
2. นำส่วนผสมทั้งสองอย่างผสมเข้าด้วยกัน จึงผสมกับเกลือและคนเบาๆ ด้วยไม้พายเข้าด้วยกัน ค่อยๆ เทน้ำมันพืชลงไปผสม และขยำแบบเบาๆ ไปเรื่อยจนเนื้อแป้งเกาะกัน อย่าให้เหลวจนเกินไปเวลาปั้นแป้งจะไม่ติด พักแป้งไว้สัก 10 นาทีก่อนนำไปปั้น
3. จากนั้นแบ่งแป้งออกมาเป็นก้อนเล็กๆ แล้วป้นเป็นก้อนกลมๆ ตัดสี่ส่วน จะได้กลีบลำดวน 4 กลีบ เอา 1 กลีบไปปั้นเป็นลูกกลมๆ เพื่อจะเป็นเกสร และประกอบสามกลีบ นำเกสรวางไว้ตรงกลาง กดให้แน่นเล็กน้อย วางไว้บนถาด
4. เมื่อได้กลีบลำดวนครบจำนวนแล้วนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ160 องศาประมาณ 15 นาที อย่าให้สีเข้มเกินไป ขนมจะไม่สวย
5. เมื่อนำออกจากเตาแล้วนำมาพักไว้ให้เย็น จากนั้นนำไปอบควันเทียน เพื่อให้มีกลิ่นหอมควันเทียน สามารถเก็บไว้ได้นานในกล่องปิดฝา
เรียบเรียงโดย Food MThai

(เรื่องของขนมเสน่ห์จันทร์)



ส่วนผสม 
แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 2 ฟอง ผงจันป่น 1/2 ช้อนชา สีผสมอาหารสีเหลือง

วิธีทำ 
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน 
2. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาล ละลายแล้วกรองผสมแป้งกับกะทิ และผงจันป่นสีเหลือง 
3. ตั้งไฟอ่อน กวนจนจับกัน 
4. ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง ใส่ขณะแป้งร้อน รีบคนให้เข้ากัน ยกลง 
5. พอขนมอุ่นปั้นได้ ให้ปั้นเป็นรูปผลจัน ตรงขั้วผลใช้น้ำตาลเคี่ยวสีน้ำตาลหยอด

ลักษณะที่ดีของขนม 
ขนมเสน่ห์จันทน์ ลักษณะที่ดีของขนม ควรมีสีเหลืองทอง สวยงาม ขนาดของเม็ดขนมมีขนาดขึ้นเท่าๆ กัน ขนมจะแห้งแต่ไม่แข็งและเหนียว รสหวาน หอม และมัน

เคล็ดลับ**

1. เวลากวนส่วนผสมไม่ควรใช้ไฟแรงมากเกินไป เพราะจะทำให้ขนมไหม้
2. ใช้ไข่เป็ด สีของขนมจะสวยกว่าไข่ไก่ แต่จะมีกลิ่นคาวมากกว่าไข่ไก่



(เรื่องของขนมเปียกปูนอัญชันนมสดมะพร้าวอ่อน)


วัตถุดิบขนมเปียกปูน
- แป้งข้าวเจ้า (สำหรับทำเปียกปูน) 1 ถ้วยตวง 
- แป้งมัน ¼ ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
- น้ำอัญชัน 2 ถ้วยตวง
- เกลือ ¼ ช้อนชา
- น้ำตาลทรายแดง ¼ ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม 
วัตถุดิบน้ำราด
- ข้นจืด ตรามะลิโกลด์ 150 มิลลิลิตร 
- เกลือ ¼ ช้อนชา 
- แป้งข้าวเจ้า (สำหรับทำน้ำราด) 1 ช้อนชา
- งาคั่ว ตามชอบ
- เนื้อมะพร้าวอ่อน ตามชอบ
วิธีทำ
- ใส่แป้งข้าวเจ้าลงในกระทะ ตามด้วยแป้งมัน เกลือ น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลปี๊บ น้ำปูนใส และน้ำอัญชัน คนให้เข้ากัน
- เปิดไฟกลาง คนไปเรื่อย ๆ จนแป้งสุกและหนืด จากนั้นบีบใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ให้สูงประมาณ ¾ ของถ้วย พักไว้
- ทำน้ำราด โดยเท ข้นจืด ตรามะลิโกลด์ ลงไปในหม้อ ตามด้วยแป้งข้าวเจ้า และเกลือ คนให้เข้ากัน พอเดือดแล้วยกออกจากเตา
- เทน้ำราดลงไปในเปียกปูนที่เตรียมไว้ ใส่มะพร้าวอ่อน และโรยงาคั่ว พร้อมเสิร์ฟจ้า อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/butterfly-pea-milk-pudding-with-young-coconut-meat?ref=ct

(เรื่องของตะโก้)



วัตถุดิบ
1. น้ำดอกอัญชัน 500 มิลลิลิตร 
2. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย 
3. น้ำตาลทราย 200 กรัม 
4. ข้าวโพดหวาน ½ ถ้วย 
5. แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ 
6. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ 
7. หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร 
8. เกลือ 1 ช้อนชา 
9. ดอกอัญชัน สำหรับตกแต่ง 
วิธีทำ
STEP 1 : ทำสาคู
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำดอกอัญชันลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย แป้งมัน และสาคู ต้มจนสาคูสุกและกลายเป็นเม็ดใส
- ใส่ข้าวโพดลงไป คนให้เข้ากัน และยกออกจากเตา
- ตักสาคูใส่กระทงใบเตยประมาณ ⅔ ของถ้วย และพักไว้ให้เซตตัวในอุณหภูมิห้องประมาณ 20 นาที

เทน้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย แป้งมัน และสาคู ลงในหม้อ

ใส่ข้าวโพดลงไป และคนให้เข้ากัน 
STEP 2 : ทำกะทิ
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทหัวกะทิลงไป ตามด้วยแป้งข้าวโพด และเกลือ คนให้เข้ากัน รอจนเดือด และยกออกจากเตา
- ตักใส่กระทงใบเตยที่ใส่สาคูเตรียมไว้ จากนั้นพักไว้ให้เซตตัวในอุณหภูมิห้องอีก 20 นาที

เทหัวกะทิลงไปในหม้อ

คนให้เข้ากัน รอจนเดือด และยกออกจากเตา
STEP 3 : จัดเสิร์ฟ
- ตกแต่งด้วยดอกอัญชันตามชอบ พร้อมเสิร์ฟจ้า อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/butterfly-pea-ta-ko?ref=ct

(เรื่องของถั่วแปบ)



วัตถุดิบ
1. ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 500 กรัม
2. มะพร้าวทึนทึก 1 ลูก
3. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
4. น้ำอัญชันเข้มข้น 1 ถ้วยตวง
5. น้ำใบเตยเข้มข้น 1 ถ้วยตวง
6. น้ำกระเจี๊ยบเข้มข้น 1 ถ้วยตวง
7. งาขาวคั่ว ½ ถ้วยตวง
8. งาดำคั่ว ½ ถ้วยตวง
9. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
10. เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
STEP 1 : นึ่งถั่ว+มะพร้าว
- นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกมาใส่ในกะละมัง แล้วนำไปล้างให้สะอาด (ล้างประมาณ 2 - 3ครั้ง) แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง
- นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกที่แช่น้ำแล้ว มาสะเด็ดน้ำออก แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟแรง เป็นเวลา 20 นาที
- ระหว่างรอนึ่ง นำมะพร้าวทึนทึกมาขูดฝอย คลุกด้วยเกลือเล็กน้อย ก่อนนำเข้าไปนึ่งเป็นเวลา 10 นาที
- เมื่อนึ่งทั้ง 2 อย่างเสร็จแล้ว ให้นำทั้ง 2 อย่างมาผสมกันในถาด แล้วพักไว้
TIP: การนึ่งมะพร้าวขูด จะช่วยยืดอายุการเก็บขนมให้นานขึ้น


นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกล้างสะอาด มาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง

แล้วนำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกที่แช่น้ำแล้วไปนึ่งด้วยไฟแรง เป็นเวลา 20 นาที
STEP 2 : ต้มแป้ง
- แบ่งแป้งข้าวเหนียวออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน แต่ละส่วนผสมน้ำอัญชันเข้มข้น น้ำใบเตยเข้มข้น และน้ำกระเจี๊ยบเข้มข้น เพื่อให้ได้สีที่แตกต่างกัน นวดให้เนื้อเนียนดี และไม่ติดมือ
- ตั้งหม้อต้มน้ำจนเดือด แล้วนำแป้งที่นวดไว้ มาปั้นเป็นแผ่นทรงวงรีขนาดประมาณ 3 นิ้ว แล้วใส่ลงไปต้ม รอจนแป้งลอยตัว จึงตักขึ้น
- นำไปคลุกกับถั่วและมะพร้าวที่ผสมกันไว้ในถาด พับแผ่นแป้งครึ่งนึงให้พอห่อถั่ว ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนแป้งหมด


ผสมแป้งข้าวเหนียว และ น้ำใบเตยเข้มข้น

นวดให้เนื้อเนียนดี และไม่ติดมือ
STEP 3 : จัดเสิร์ฟ
- ผสมน้ำตาลทราย งาขาวคั่ว และงาดำคั่วเข้าด้วยกัน นำเสิร์ฟพร้อมตัวขนมที่ทำเตรียมไว้ โรยน้ำตาลบนตัวขนมก่อนรับประทาน
 อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/mung-bean-rice-crepe?ref=ct