Thursday, September 19, 2019

(เรื่องของขนมข้าวเกรียบอ่อน)


ขนมข้าวเกรียบอ่อน
เป็นขนมขึ้นชื่อของทางภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรี เป็นแป้งนึ่งห่อไส้ถั่วเขียวแสนอร่อย เป็นขนมไทยที่มีสีสันสดใส รสชาติถูกปากอีกหนึ่งเมนู อร่อยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ วิธีทำขนมข้าวเกรียบอ่อน มีเคล็ดลับการทำอย่างไร
Image result for ขนมข้าวเกรียบอ่อน

สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ สูตรขนมไทย ขนมแป้งนึ่ง แบบง่ายๆ คือ ขนมข้าวเกรียบอ่อน หน้าตาและสีสันคล้าย ๆ กับ ขนมถั่วแปบ แต่มีความแตกต่างที่แป้งที่นำมาใช้ทำขนม ขนมถั่วแปบ จะใช้แป้งข้าวเหนียว ส่วน ขนมข้าวเกรียบอ่อนจะใช้แป้งข้าวเจ้า
เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การทำขนม สูตรขนมข้าวเกรียบอ่อน ง่ายๆส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำขนมไทย

(เรื่องของขนมหัวมันหน้ากะทิ )


ขนมหัวมันหน้ากะทิ 
ขนมปักษ์ใต้ อาหารหวาน หาทานยาก วิธีทำหัวมันหน้ากะทิ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูมันสัมปะหลัง เมนูกะทิ ขนมไทย เมนูนึ่ง มันสัมปะหลังทำอะไรกินได้บ้าง ขนมจากหัวมัน ทำอย่างไร
Image result for ขนมหัวมันหน้ากะทิ
อาหารไทย เมนูอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ นำเสนอ ขนมหวาน เป็น ขนมพื้นบ้าน หาทานยาก ใช้มันสัมปะหลังเป็นวัตถุดิบหลัก คือ ขนมไทย ชื่อ หัวมันหน้ากะทิ ลักษณะคล้ายขนมหน้านวล แต่เปลี่ยนจากข้าวเหนียวเป็นมันสัมปะหลังแทน เคล็ดลับการทำขนมหัวมันหน้ากะทิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ

(เรื่องของข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้ง)



ข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้ง
ขนมหวานจากข้าวเหนียว นำข้าวเหนียวมามูนและห่อใบตองนำมาปิ้งให้หอม วิธีทำข้าวเหนียวปิ้งหน้ากุ้ง ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ เมนูข้าวเหนียว ขนมปิ้งย่าง ขนมไทยโบราณ
Image result for ข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้ง

อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ ขนมโบราณ ขนมพื้นบ้าน คือ ข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้ง ข้าวเหนียวหวานมัน หอมไส้กุ้ง แสนอร่อย เคล็ดลับการทำข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้ง คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำอาหาร และ การปรุงรสชาติ

(เรื่องของขนมกล้วย)


ขนมกล้วย

ขนมไทยทำจากกล้วย เมนูนึ่ง วิธีทำขนมกล้ว ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ ขนมหวานโบราณ ขนมไทยจากกล้วย เคล็ดลับการทำขนมกล้วย เมนูขนมนึ่ง กล้วยทำขนมอะไรได้บ้าง สูตรขนมกล้วย ใช้ กล้วย แป้ง กะทิ เป็นส่วนประกอบหลัก ขนมไทยห่อใบตอง แสนอร่อย
Image result for ขนมกล้วย
เมนูอาหารพื้นบ้าน เป็นการถนอมอาหาร และ แปรรูปอาหาร เมนูแนะนะ คือ ขนมกล้วย เคล็ดลับความอร่อยของขนมกล้วย อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ วิธีทำขนม

(เรื่องของข้าวเหนียวหน้านวล)


ข้าวเหนียวหน้านวล

    ข้าวเหนียวหน้านวล ขนมไทย เมนูข้าวเหนียว หน้ากะทิ แต่งหน้าด้วย ทองหยิบ ทองหยอด และถั่วดำ วิธีทำข้าวเหนียวหน้านวล ของหวานจากข้าวเหนียว

Image result for ข้าวเหนียวหน้านวล

  • ข้าวเหนียว สำหรับทำข้าวเหนียวหน้านวล ใช้ข้าวเหนียวเคี้ยวงูจากเชียงราย เป็น ข้าวเหนียวใหม่ เนื่องจาก ข้าวเหนียวสำหรับทำข้าวเหนียวหน้านวล ต้องเละหน่อย ข้าวเป็นก้อน ไม่แข็งเกินไป นำกะทิราดหน้าเนื้อเนียน
  • กะทิ ที่ใช้สำหรับทำข้าวเหนียวหน้านวล ต้องให้น้ำกะทิคั้นสดๆ น้ำกะทิ ต้องปรุงรสใส่เกลือ เพื่อลดความมัน และ เพิ่มความกลมกล่อมให้กับกะทิ สำหรับ ข้าวเหนียวหน้านวล กะทิต้องผสมแป้ง เพื่อให้ กะทิเซ็ดตัวบนข้าวเหนียวนึ่ง

(เรื่องของข้าวเหนียวขนุน )


ข้าวเหนียวขนุน 

ข้าวเหนียวขนุน ขนมหวานแบบง่ายๆ ในช่วงที่มีขนุนสุกออกมามาก ข้าวเหนียวมูน หวานๆ ทานคู่กับ เนื้อขนุนสุก เพิ่มความกลมกล่อม ด้วย น้ำกะทิ หลายๆ คนรู้จัก แต่ ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวทุเรียน หรือ ข้าวเหนียวมะม่วง แต่ สำหรับ สูตรข้าวเหนียวขนุน เป็น อีกหนึ่ง เมนูข้าวเหนียวมูน แสนอร่อย
Image result for ข้าวเหนียวขนุน
  • ขนุน สำหรับ นำมา ทำข้าวเหนียวขนุน นั้น ใช้ขนุนสุก แต่อย่าเลือกขนุนสุกเกินไป เนื่องจาก ขนุนสุกจะอ่อน และหวานเกินไป หาก ขนุนดิบ แข็ง กินไม่ได้
  • ข้าวเหนียว สำหรัยทำข้าวเกนียวมูน ใช้ ข้าวเหนียวเคี้ยวงูเชียงราย ใช้ ข้าวเหนียวเก่า ซึ่ง ข้าวเหนียวเก่า เหมาะสำหรับนำมาทำ ข้าวเหนียวมูน เนื่องจาก เม็ดสวย อ้วน ไม่เละง่าย
  • น้ำกะทิ สำหรับทานคู่กับ ข้าวเหนียวขนุน และ นำมามูนข้าวเหนียว ใช้ น้ำกะทิคั้นสดๆ โดยขั้นตอนการคั้นกระทิ ให้กรองน้ำในทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้ มีเศษเจือปน

(เรื่องของข้าวเหนียวแก้วใบเตย)

  

ข้าวเหนียวแก้วใบเตย

   ข้าวเหนียวแก้วใบเตย ข้าวเหนียวแช่น้ำใบเตยเป็นสีเขียว นำไปนึ่ง และ มูนด้วย น้ำกะทิปรุงรส สูตรพิเศษ ได้ข้าวเหนียวเม็ดสวยๆ มันๆ หอมใบเตย และ งาขาวคั่ว เอกลัษณ์ของข้าวเหนียวแก้
ใบเตย คือ ข้าวเหนียวที่เม็ดสวยสีเขียวหวานมัน

Related image

ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เป็น ของหวาน เมนูข้าวเหนียวมูล ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก ขนมหวาน เมนูข้าวเหนียวแก้ว

(เรื่องของขนมทองเอก)



ขนมทองเอก

     ขนมทองเอก คือ ขนมไทยโบราณ ขนมมงคล นิยมใข้ในงานแต่งงาน วิธีทำขนมทองเอก ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ ขนมไทย เมนูขนมกวน ขนมไทยตระกูลทอง เคล็ดลับการทำขนมทองเอง อยู่ที่วัตถุดิบคุณภาพ และ เทคนิคการปรุงรสชาติ ขนมหวาน เมนูไข่

Image result for ขนมทองเอก

    สูตรอาหาร เมนูอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ สูตรขนมหวาน เมนูไข่ คือ ขนมทองเอก ขนมไทยทองเอก คือ ขนมไทย  ส่วนผสมของขนม ประกอบด้วย แป้งสาลี น้ำตาล ไข่แดง และ กะทิ นำมากวนจนข้น และนำมากดใส่แม่พิมพ์ และวางด้วยทองคำเปลวที่ปลายบนสุดของขนม สูตรขนมทองเอง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำขนมไทย

(เรื่องของขนมตาล)


Image result for ขนมตาล

สูตรอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ ขนมไทยโบราณ เมนูขนมนึ่ง ขนมไทยจากลูกตาล เป็น อาหารขึ้นชื่อของ ตลาดดอนหวาย คือ ขนมตาลป้าไข่  เอาลูกตาล แป้ง และส่วนผสมอื่นๆ มาผสมกัน และนำไปนึ่ง ขนมตาลอร่อยๆ ลองเอาสูตรนี้ไปองทำดู สูตรขนมตาล เป็น ขนมพื้นบ้าน อร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูขนมตาล
ส่วนผสมสำหรับทำขนมตาล
  • ผลตาลสุก 1 ผล
  • ข้าวสารเก่า 2 ถ้วย
  • แป้งท้าวยายม้อม 2 ช้อนโต้ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
  • เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
เคล็ดลับการทำขนมตาล
  • การคั้นเนื้อลูกตาล มีความสำคัญ การคั้นเนื้อลูกตาล เนื้อลูกตาลจะได้สีเหลืองๆ
  • แป้งสำหรับนำมาผสมกับเนื้อลูกตาล ให้ ใช้ข้าวสารโม่ แป้งที่ได้จากการโม่ เป็น เคล็ดลับความอร่อยของขนมตาล จะทำให้แป้งเนื้อเนียนอร่อย
  • แป้งท้าวยายม้อม จะทำให้ เนื้อแป้ง มีความหนียวนุ่ม
  • มะพร้าวขูด ให้นำไปนึ่งก่อน การนึ่งมะพร้าวขูด ทำให้เนื้อมะพร้าวไม่บูด หากไม่นำไปนึ่งก่อน มะพร้าวจะบูดกินไม่ได้
  • ขนมตาลต้องกินแบบร้อนๆ จะอร่อยกว่าการกินแบบเย็นๆ

(เรื่องของข้าวเหนียวมะม่วง)


Image result for ข้าวเหนียวมะม่วง

สูตรอาหาร สำหรับน่าร้อน เป็น อาหารยอดนิยม คือ ข้าวเหนียวมะม่วง จัดว่าเป็น ขนมไทย เมนูข้าวเหนียว ข้าวเหนียวมูน หวานๆ อร่อย ข้าวเม็ดสวย หอม มัน กลมกล่อม กับ มะม่วงน้ำดอกไม้ หวานๆ มะม่วงสุก สวยๆ ความหวานของมะม่วงสุก มะม่วงทำอะไรกินได้บ้าง มะม่วงสุกทำอะไรกินดี กินคู่กับข้าวเหนียวมูน ราดกะทิ ทำให้ รสชาติ อร่อยถึงใจ สูตรข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวาน เมนูข้าวเหนียวมูน ขนมหวานยอดนิยม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับ คนรักการทำขนม
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวเหนียวมะม่วง
เคล็ดลับการทำข้าวเหนียวมะม่วง
  • ข้าวเหนียวมะม่วง ต้องใช้ มะม่วงสุก โดยนิยมใช้ มะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมีผลใหญ่ สวย เหมาะสำหรับ เมนูข้าวเหนียวมะม่วง
  • การเตรียมมะม่วง สำหรับ ทำข้าวเหนียวมะม่วง ให้เลือกมะม่วงสุก ที่ผลสวย ไม่มีรอยแมลงกัดกิน ผิวมะม่วงไม่เหี่ยว เนื้อแน่น มะม่วงช้ำง่าย การเตรียมมะม่วงต้องใช้ความระมัดระวังให้มากๆ
  • ข้าวเหนียวสำหรับทำข้าวเหนียวมูน ให้เลือกใช้ ข้าวเหนียวเก่า เป็น ข้าวเหนียวเคี้ยวงู จาก เชียงราย เป็น ข้าวเหนียว ที่เหมาะนำมามูน
  • กะทิ ให้เลือกใช้ น้ำกะทิ คั้นสด โดยให้กรองให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งเจือปน ในน้ำกะทิ โดยน้ำกะทิ ให้ปรุงรส

Wednesday, September 18, 2019

(เรื่องของขนมถั่วทอง)

ขนมถั่วทอง ขนมไทย ขนมมงคล ขนมหวานจากถั่วเขียว วิธีทำขนมถั่วทอง ง่ายๆทำกินเองได้ เทคนิคการทำถั่วทอง เมนูถั่วเขียวกวน เนื้อละเอียด ปรุงรส นำมาปั้นเป็นรูปต่างๆ สวยๆ 

Image result for ขนมถั่วทอง

อาหารไทยยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูขนมไทย เมนูขนมจากถั่วเขียว นำถั่วเขียวมากวนกับน้ำตาลและกะทิ มาปั้นเป็นก้อน จัดว่าเป็น ขนมมงคล ตระกูลทอง นำยมใช้ในงานมงคล ทั่วไป คือ ขนมถั่วทอง
เคล็ดลับการทำขนมถั่วทอง อยู่ที่การเลือกถั่วเขียวคุณภาพดีกระเทาะเปลือกการนึ่งและเตี้ยวกับน้ำตาลที่ปรุงรสได้รสชาติพอดี  เมนูขนมถั่วทอง เป็น ขนมไทย ขนมมงคล เมนูขนมหวานจากถั่วเขียว ส่วนผสมวิธีทำ และ เทคนิคการทำถั่วทอง เมนูถั่วเขียวกวน จนเนื้อละเอียด ปรุงรส นำมาปั้นเป็นรูปต่างๆ หรือใส่พิมพ์สวยๆ
ขนมถั่วทอง ขนมไทย เมนูถั่วเขียวกวน หวาน หอม อร่อย มี เคล็ดลับความอร่อย อยู่ตรงไหน วันนี้เรามานำเสนอ เมนูขนมถั่วทอง ให้เพื่อนๆได้เป็นความรู้สำหรับคนรัก ขนมไทย
ส่วนผสมสำหรับทำขนมถั่วทอง
  • ถัวเขียวซีก 1 กิโลกรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 700 กรัม
  • น้ำกะทิ 700 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • เนื้อมะพราวทึนทึกขูด 1 ลูก
เคล็ดลับความอร่อยของขนมถั่วทอง
  • การเลือกซื้อถั่ว ที่นำมาทำให้เลือกถั่วที่ไม่มีมอดกิน สังเหตุจากถั่วจะไม่มีรอบคราบสีขาวในตัวถั่ว
  • การล้างถั่ว ต้องล้างให้สะอาด ล้างหลายๆครั้ง จนน้ำที่ล้างถั่วใส แสดงว่าสะอาดแล้ว การล้างถั่วให้สะอาด จะช่วยให้ถั่วที่นำมา ทำให้ขนมไม่มีกลิ่นหืน
  • แช่ถั่วในน้ำ 3 ชั่วโมง ช่วยให้เนื้อถั่วนิ่ม อมน้ำ เวลานำไปนึ่งจะสุกง่าย หากต้องการให้เร็วขึ้น ก็ใช้น้ำอุ่นจะช่วยรุ่นเวลาให้เร็วขึ้น
  • น้ำตาล ที่ใช้ในการกวน แนะนำให้ใช้ น้ำตาลปี๊บ จะให้ความหวานแบบหอมธรรมชาติ อร่อยก่วาการ น้ำตาลทราย

Thursday, September 5, 2019

(เรื่องของขนมถ้วย)



ส่วนผสม
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
  • แป้งท้าวยายม่อม 3 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
  • กะทิ 250 มิลลิลิตร และกะทิสำหรับหน้าขนม 250 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • แป้งข้าวเจ้า ส่วนผสมหน้าขนม 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม และ แป้งถั่วเขียว เข้าด้วยกัน
  2. เทน้ำใบเตยและน้ำตาลปี๊บลงไป ตามด้วยน้ำกะทิ คนจนน้ำตาลปี๊บละลายและทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วก็วางพักไว้
  3. ทำตัวหน้าขนมโดยผสมกะทิกับเกลือ และใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
  4. นึ่งถ้วยรอไว้ 10 นาที จากนั้นก็ตักขนมลงไปให้ได้ 3/4 ของถ้วย ปิดฝานึ่งต่ออีก 5 – 7 นาที
  5. เปิดฝาแล้วหยอดหน้าขนมลงไป ปิดฝานึ่งต่ออีก 5 นาที
  6. เสร็จแล้วก็นำขนมออกมาจากเตานึ่ง วางพักไว้ให้เย็นเพื่อนให้ขนมแข็งตัวไม่เละ เสร็จแล้วก็แคะขนมถ้วยใส่จานเสิร์ฟ หรือจะเสิร์ฟพร้อมถ้วยเลยก็ได้ค่ะ
เรียบเรียงโดย Food MThai


(เรื่องของขนมไข่ปลา)



ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม
2.แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
3.เนื้อตาล 150 กรัม
4.น้ำมะพร้าวอ่อน หรือ น้ำกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
5.เกลือป่น 1/2 ชช.
6.น้ำตาลทราย 500 กรัม
7.น้ำ 2 + 1/2 ถ้วย
8.มะพร้าวทึนทึก 1/2 ซีก
วิธีทำ
1. ทำน้ำเชื่อมไว้ก่อน โดยต้มน้ำใส่ใบเตยลงไป ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปคนให้ละลายตั้งไฟอ่อนมากๆไว้
2. ผสมแป้งเพื่อทำตัวขนม แป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว เทใส่ในกะละมัง ใส่เนื้อลุกตาลยีลงไป
3. นวดผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแห้งเกินไป ค่อยๆเติมน้ำนะค่ะ อย่าเติมที่เดียวเยอะ จะแฉะเกินไป
4. จากนั้นปั้นเป็นเส้นๆ ลักษณะเหมือนไข่ปลา เอาปลายมาทับกันไว้ เรียงใส่ถาดรอต้มไว้
5. น้ำเชื่อมที่ได้แบ่งใส่กะละมังอีกใบไว้สำหรับแช่ขนมไข่ปลาที่ต้มสุกแล้ว เอาขนมไส้ปลาที่ปั้นไว้ลงต้มในน้ำเชื่อมที่เหลือ ต้มจนสุกขนมไข่ปลาที่สุกแล้วจะลอยขึ้นมา ช้อนมาใส่ในน้ำเอมที่แบ่งไว้
6. เวลาจะกินก็เตรียมมะพร้าวคลุกกับเกลือสำหรับคลุก ช้อนเอาแต่เนื้อขนมไข่ปลา เอามาคลุกกับมะพร้าวจัดใส่จานค่ะ


(เรื่องของขนมชั้น)



วัตถุดิบ
แป้งมัน 2 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 3 1/2 ถ้วย
หัวกะทิ 3 ถ้วย
สีผสมอาหาร หรือน้ำใบเตยคั้น 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
STEP1 :เตรียมแป้ง + น้ำเชื่อม
เทแป้งมัน แป้งข้าวโพด แป้งข้าวเจ้าและแป้งท้าว ผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นคลุกเคล้าส่วนแป้งให้เข้ากันดี แล้วพักไว้ก่อน
จากนั้นทำน้ำเชื่อมด้วยการนำหม้อตั้งเตา ผสมน้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิ คนให้เข้ากัน พอน้ำตาลละลายดีแล้ว ยกลงพักให้เย็น
พอน้ำเชื่อมเย็นแล้ว นำหัวกะทิเทลง จากนั้นคนให้เข้ากัน 

STEP2 : นวดแป้ง
เทส่วนผสมหัวกะทิน้ำเชื่อมลงไปในถ้วยที่เราเตรียมแป้งไว้ ค่อย ๆ เทใส่ทีละนิด
จากนั้นใช้มือขยำแป้งให้เข้ากันดี โดยใช้เวลาประมาน 20-30 นาที
จากนั้นกรองแป้งด้วยกระชอน เพื่อให้ส่วนผสมเนียนสวย
เมื่อกรองส่วนผสมเสร็จแล้วให้แบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างละครึ่ง
ส่วนที่ 1 ไม่ต้องผสมอะไร และส่วนที่สองให้เทสีผสมอาหารผสมลงไป 

STEP3 : เทส่วนผสมลงพิมพ์ + นึ่ง
ตั้งลังถึงบนเตาแก๊ส รอให้น้ำร้อนค่อยเทแป้งลงในถาดที่ใส่ในลังถึง
นำถาดพิมพ์มาเตรียมไว้ เทแป้งสีเขียวลงไปประมาณ 2 มิลลิเมตร และนำไปนึ่ง 6-10 นาที จากนั้น ก็เทแป้งสีขาวลงไปประมาณ 2 มิลลิเมตร ทำแบบนี้ลงไปประมาณ 9 ชั้น เป็นอันเสร็จ
จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นตัวดี แล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/kanom-chan?ref=ct

(เรื่องของฝอยทอง)


วัตถุดิบ
1. ไข่แดงของไข่เป็ด 6 ฟอง
2. ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง
3. น้ำค้างไข่ ของไข่ทุกฟอง
4. น้ำ 1 ลิตร
5. น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
6. กลิ่นมะลิ สำหรับใส่ในขนม
วิธีทำ
STEP 1 : เตรียมไข่แดง
- แยกไข่แดงของทั้งไข่เป็ดและไข่ไก่ โดยลอกเอาเยื้อที่หุ้มไข่แดงออกให้หมด ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ทำนะคะ ต้องพยายามลอกเยื้อจนหมด ไม่เช่นนั้นเวลาโรยเส้นฝอยทอง จะทำให้เส้นออกมาไม่สวย
- ทำการรีดน้ำค้างไข่ออกมาให้หมดทุกใบ น้ำค้างไข่จะทำให้ฝอยทองของเรามีรสสัมผัสที่นิ่มนวลค่ะ
- กรองไข่แดงทั้งหมด รวมทั้งน้ำค้างไข่ ด้วยผ้าขาวบาง จะทำให้ไข่ที่ได้มีเนื้อละเอียด ไม่มีลิ่มไข่ แต่ถ้ากรองรอบแรกแล้วยังไม่ละเอียดให้กรองอีกสักรอบค่ะ
STEP 2 : เตรียมกรวยโรยไข่และน้ำเชื่อม
- ทำกรวยสำหรับโรยไข่ อาจใช้กรวยสำหรับโรยฝอยทองโดยเฉพาะ ใครไม่มีสามารถทำเองได้ค่ะ โดยใช้ถุงบีบ หรือกรวยใบตองมาม้วนเป็นกรวย แล้วใส่ส่วนผสมไข่แดงลงไป ค่อย ๆ ตัดปลายทีละน้อย จนได้ขนาดของรูที่พอใจ (ทดลองโรยดูก่อนว่า ไข่สามารถไหลได้สะดวกหรือไม่ ถ้าไหลสะดวกแล้วถือว่าใช้ได้ ถ้าไข่ออกมาเป็นหยด ๆ ให้เพิ่มขนาดของรูค่ะ)
- ตั้งไฟต้มน้ำเชื่อมและน้ำตาล หยดกลิ่นมะลิเล็กน้อย คนจนน้ำตาลละลาย เมื่อน้ำตาลละลายแล้วให้เบาไฟ แต่ให้สังเกตว่ามีลักษณะเป็นน้ำพุตรงกลางกระทะเป็นอันใช้ได้ค่ะ ต้องเป็นน้ำพุนะคะ เวลาโรยเส้นของไข่จะได้ตีวงออกไปขอบกระทะค่ะ
- ค่อย ๆ โรยไข่เป็นวงกลม ถ้าโรยสูงจะได้เส้นเล็ก จะโรยต่ำจะได้เส้นใหญ่ค่ะ เอาตามชอบเลยค่ะ ว่าอยากได้ขนาดใด วนสัก 20-25 รอบ จากนั้นให้ใช้ไม้ปลายแหลมค่อย ๆ เกี่ยวเส้นไข่ที่สุกแล้ว วนในน้ำเชื่อมอีกเล็กน้อย เพื่อล้างให้เส้นขนมฝอยทองสะอาด
STEP 3 : จัดเสิร์ฟ
- นำเส้นฝอยทองขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อม
- จับขนมเป็นแพหรืออาจจะม้วนพอดีคำ เท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/recipes/foi-thong?ref=ct

(เรื่องของลูกชุบ)


ส่วนผสม
  • ถั่วเขียวเลาะเปลือก (นึ่ง) 500 กรัม
  • น้ำตาลทราย 300 กรัม
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • สีผสมอาหารตามใจชอบ
  • วุ้น
วิธีทำ
  1. นำถั่วเขียว น้ำตาลและกะทิ ปั่นรวมกันจนเนียน
  2. เทส่วนผสมลงไปในกระทะแล้วเคี่ยวจนถั่วนั้นปั้นเป็นลูกได้
  3. เตรียมสีผสมอาหารแยกไว้เป็นสีละถ้วย และเตรียมอุปกรณ์สำหรับเพ้นท์ เช่น พู่กัน และไม้แหลมสำหรับเสียบลูกชุบ
  4. ปั้นขนมให้เป็นรูปผลไม้ต่างๆ จากนั้นก็เสียบด้วยไม้แหลม ปักพักไว้ก่อน
  5. นำขนมที่ปั้นแล้ว ตกแต่งสีได้เลย แล้วนำไปตากให้สีแห้ง
  6. ละลายวุ้นเตรียมไว้ เมื่อขนมพร้อมแล้วให้นำมาชุบกับวุ้น เคลือบให้ขนมเป็นขึ้นเงาสวย อาจจะจุ่มสองรอบเพื่อความหนามากยิ่งขึ้น

(เรื่องของบัวลอย)



ส่วนผสมบัวลอยไข่หวาน

  • แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  • น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
  • หัวกะทิ 5 ถ้วย
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในภาชนะสำหรับผสม ถ้าทำประมาณ 8-10 ถ้วย ควรใช้แป้งประมาณ 500 กรัม ไม่ควรผสมหมดทั้ง 500 กรัม ควรเหลือแป้งไว้นิดหน่อย เผื่อเวลาผสมแป้งเหลวเกินไปจะได้เติมแป้งส่วนที่เหลือ นำแป้งนวดกับน้ำเปล่า นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน แล้วแบ่งออกเป้นส่วนๆ เพื่อนำไปผสมเข้ากับสีผสมอาหาร
  2. จากนั้นปั้นแป้งเป้นเม็ดกลมเล็ก นำไปต้มจนแป้งสุกและลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาใส่ชามที่มีน้ำพักไว้
  3. นำหัวกะทิใส่หม้อ และเติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย โดยอัตราส่วนประมาณ กะทิ 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำตาลปึกลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ต้องมั่นคนเพราะอาจจะทำให้กะทิไหม้ได้ แล้วใส่เกลือตามลงไปเล็กน้อย ต้มจนกะทิเดือดอ่อนๆ ทั่วทั้งหม้อ จากนั้นก็ดับไฟ
  4. เมื่อกะทิเดือดทั่วทั้งหม้อจึกตอกไข่ใส่ลงไป ต้มจนไข่สุกลอย
  5. ถึงเวลาเสิร์ฟก็ตักบัวลอยและตามด้วยน้ำกะทิราดลงไป และตักไข่ตามลง

เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือ

  การทำงานของโทรมือถือ

โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ โทรศัพท์มือถือ (บ้างเรียก วิทยุโทรศัพท์) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ให้บริการอื่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ทโฟน
โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบันนอกจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้ว ยังมีคุณสมบัติพื้นฐานของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้นเอสเอ็มเอส ปฏิทินนาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ อินฟราเรด กล้องถ่ายภาพ เอ็มเอ็มเอส วิทยุ เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส
โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงใน พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม  ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน มาเป็น 4,600 ล้านคน

อ้างอิงโดย Siamhealth

4 ประโยชน์หลักของมือถือ 
1. สำหรับการติดต่อสื่อสาร – นี่คือประโยชน์ข้อแรกซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนที่สุดของมือถือ ในอดีตการติดต่อสื่อสารผ่านมือถือนับว่าเป็นอะไรที่สะดวกมากๆ แม้จะมีไม่กี่ช่องทาง เช่น การโทรหากัน การส่งข้อความ เป็นต้น ยิ่งในปัจจุบันการใช้มือถือในการติดต่อสื่อสารก็มีหลายช่องทางขึ้นยิ่งทำให้กลายเป็นประโยชน์อย่างสูงเลยทีเดียว 
2.ความบันเทิงรูปแบบต่างๆ – ความบันเทิงทุกชนิดถูกเหมารวมเอาไว้ในมือถือแค่เครื่องเดียวในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านนิยาย โซเชี่ยลมีเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าพกมือถือเอาไว้ได้ความบันเทิงครบครันทุกรูปแบบ 
3.ถ่ายรูป – สมัยนี้เราไม่จำเป็นต้องพกกล้องถ่ายรูปอะไรให้วุ่นวายอีกต่อไปเพราะมือถือได้ถูกพัฒนาเรื่องกล้องจนแทบจะเทียบเท่าหรือบางรุ่นก็ดีกว่ากล้องถ่ายรูปไปเรียบร้อย แถมยังมีโหมดการแต่งภาพต่างๆ ในตัวแบบไม่ต้องเสียเวลามานั่งปรับแต่งในคอมพิวเตอร์อีกต่างหาก
4.เช็คข่าวสารเรื่องราวต่างๆ – จะทำการเช็คอีเมล์ ตรวจสอบข่าวสาร พยากรณ์อากาศ หรือแม้แต่การใช้เป็นแผนที่นำทางมือถือสมัยนี้ทำได้หมด เรียกว่าประโยชน์เกินคุ้มเหนือคำบรรยายจริงๆ

ผลกระทบด้านดี
1. ใช้สื่อสารทางไกลได้2.‎ สามารถถ่ายภาพติดตามข่าวสารท่องอินเตอร์เน็ตได้สะดวกรวดเร็ว3. ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นบางทีอาจสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้เลย4. พกพาสะดวก5. สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุด่วน
อ้างอิงโดย thenextweb.com

ผลกระทบด้านเสีย
1. ทำให้เสียอารมณ์หากโทรศัพท์มือถือดังในช่วงที่คุณต้องการความสงบมีสมาธิหรือเวลาอะไรก็ตามที่คุณมีความสุข
2. อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอนเช่น ได้ยินเสียงโทรเข้ามาซ้ำซ้ำ
3. ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้ถ้าหากโทรศัพท์ของคุณเป็นที่ต้องการของโจร
4. ทำให้เกิดอารมณ์ร้อนของคุณมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพราะคุณจะใช้โทรศัพท์ในการเผยแพร่มากกว่าอยู่กับตัวเองทบทวนปัญหา
5. ทำให้เป็นภาระทางการเงิน
อ้างอิงโดย www.cnet.com

ผลกระทบต่อตัวนักเรียน
1. ทำให้อารมณ์เสียได้ง่าย
2. เสียเงินไปกับอินเทอร์เน็ต
3. ทำให้จิตใจไม่อยู่กับการเรียน
4. ทำให้ติดได้ง่าย
5. อาจโดนล่อลวงจากบุคคลในSocial network